น้ำปรุงคืออะไร
น้ำปรุงคือน้ำหอมโบราณของดินแดนสุวรรณภูมิที่สืบทอดกันมายาวนาน
เป็นภูมิปัญญาชาววังที่สตรีไทยสมัยก่อนนิยมนำมาทำใช้เอง
โดยใช้พืชพรรณและไม้หอมที่มีอยู่ในธรรมชาติเป็นวัตถุดิบสกัดกลิ่น
เนื่องจากไม้หอมในยุคนั้นมีอยู่อย่างจำกัดและผู้ที่มีความชำนาญด้านการปรุงกลิ่นก็มีไม่มาก
น้ำปรุงจึงเป็นที่รู้จักในวงแคบเท่านั้น ต่อมาเมื่อมีการนำเข้าน้ำหอมจากต่างประเทศ น้ำปรุงไทยจึงค่อยๆ
ลดความนิยมและเกือบเลือนหายไปจากวิถีชีวิตคนไทย
น้ำปรุงทำจากดอกไม้หอม ใบไม้หอม และเครื่องเทศหลากชนิด อาทิ ใบเนียม
กุหลาบ มะลิ ใบเตยหอม ดอกจำปี ซ่อนชู้ เป็นต้น นำมาสกัดกลิ่น
ผสมกับสมุนไพรและเครื่องหอม ก่อนหมักทิ้งไว้ราว 12–15 เดือน
จึงจะได้น้ำปรุงที่หอมละมุนตามธรรมชาติ กลิ่นติดทนนานไม่แพ้น้ำหอมสมัยใหม่
ที่สำคัญคือปราศจากสารเคมี และยังมอบคุณค่าจากสมุนไพรแก่ผู้ใช้ด้วย
ศาสตร์การทำน้ำปรุงเป็นภูมิปัญญาชั้นสูงของชาววัง
โดดเด่นด้วยเทคนิคในการเก็บรักษาความหอมของดอกไม้และสมุนไพร
สูตรเฉพาะของแต่ละตำหนักมีเอกลักษณ์ต่างกันไป และมักถือเป็นความลับอย่างเคร่งครัด
น้ำปรุงแตกต่างจากน้ำหอมทั่วไป โดยน้ำปรุงเกิดจากการผสมดอกไม้หอมหลายชนิดเข้าด้วยกัน
พร้อมเครื่องหอมอื่นๆ เช่น ใบสมุนไพร น้ำผึ้ง หรือกำยาน
จนเกิดเป็นกลิ่นใหม่ที่มีบุคลิกเฉพาะตัว ผู้ที่ต้องการกลิ่นดอกไม้ชนิดเดียวล้วนๆ
เช่น มะลิ กุหลาบ หรือดอกบัว นั่นคือ “น้ำหอม” ไม่ใช่น้ำปรุงตามแบบฉบับไทย
น้ำปรุงตำรับโบราณ
จากตำนานความหอมในราชสำนักสยาม กลิ่นหอมที่งดงาม ลุ่มลึก และยากจะเลียนแบบ ได้ถือกำเนิดขึ้นจากศิลปะอันประณีตบรรจงและศรัทธาอันแรงกล้าของชาวสุวรรณภูมิ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เรารังสรรค์ “น้ำปรุงโบราณ” ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยผสานสูตรน้ำปรุงชาววังของสยาม เข้ากับน้ำพระพุทธมนต์ซึ่งใช้สรงองค์พระบางเจ้าและพระม่าน รวม 9 องค์ ณ เมืองหลวงพระบาง แผ่นดินแห่งพุทธศรัทธาอันบริสุทธิ์
น้ำปรุง “พระพุทธมนต์” นี้โดดเด่นด้วยส่วนผสมหายากซึ่งถูกใช้ในพิธีกรรมสำคัญมาแต่โบราณ กล่าวได้ว่าเป็นสูตรเฉพาะหนึ่งเดียวในโลก ที่ผนวกรวมความขลังศรัทธาทางพระพุทธศาสนาเข้ากับภูมิปัญญาโบราณของชาวสยามอย่างลงตัว
น้ำปรุงตำรับพิเศษนี้จัดทำด้วยกระบวนการดั้งเดิมอย่างพิถีพิถัน เริ่มจากการร่ำดอกไม้สดในน้ำสะอาดตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องเป็นเวลา 25 วัน เปลี่ยนดอกไม้ตามสูตรทุก 3 ชั่วโมง อบด้วยควันเทียนเกสรทั้ง 9 ทุก 4 ชั่วโมง ก่อนนำไปหมักรวมกับวัตถุดิบสำคัญหลากหลายชนิดยาวนานกว่า 12–15 เดือน จนได้น้ำปรุงสีทองอร่าม เต็มไปด้วยผงทองคำเปลวจากน้ำพระพุทธมนต์ที่หลุดออกระหว่างการสรงน้ำองค์พระทั้ง 9 แห่งหลวงพระบาง
เมื่อศิลปะชั้นสูงหลอมรวมกับความศรัทธา เกิดเป็นน้ำปรุงที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลายโอกาส ไม่ว่าจะอบร่ำผ้า ใช้แทนน้ำหอม สรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ ใช้เป็นสเปรย์ห้อง ประพรมองค์พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเช็ดทำความสะอาดพระพุทธรูป หรือใช้ในพิธีมงคลต่าง ๆ
เล่าขานกันว่าในอดีต “สาวชาววังหอมติดกระดาน” เพราะหญิงสาวในวังมักใช้น้ำปรุงแต้มผิว ผสมน้ำล้างผม และอบเสื้อผ้าอย่างประณีตละเอียดลออ ไม่ว่านั่งที่เรือนไหน เมื่อจากไปแล้วกลิ่นยังคงติดกระดานจนผู้คนกล่าวขานว่า “กลิ่นหอมแบบชาววัง หอมจนติดกระดาน” นั่นเพราะทุกขั้นตอนทำด้วยวัตถุดิบชั้นดี และปรุงด้วยความรัก ความตั้งใจ อันเป็นหัวใจของน้ำปรุงโบราณทุกหยด
ส่วนผสมล้ำค่าแห่งน้ำปรุงโบราณ
1. น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความศรัทธา
น้ำปรุงถูกสร้างขึ้นจากน้ำพระพุทธมนต์ที่นำมาจากการสรงองค์พระพุทธรูปสำคัญ เช่น องค์พระบาง องค์พระม่าน รวมถึงวัดต่าง ๆ ครบ 9 แห่งในเมืองหลวงพระบาง ซึ่งทำพิธีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี ทั้งหมดนี้ได้นำมาผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อก่อนเข้าสู่ขั้นตอนปรุงแต่งอย่างประณีต
2. หมู่น้ำหอมจากดอกไม้หายาก
คัดสรรดอกไม้ไทยหอมละมุนหลากชนิด อาทิ ดอกราชาวดี พิกุล มะลิ กุหลาบ กะดังงา ลำเจียก จันทร์กะพ้อ ใบเตยหอม ใบเนียมหอม ฯลฯ
รวมถึงดอกไม้ลาว เช่น ดอกซ่อนชู้ป่า จำปาลาว บัว และสมุนไพรหอมล้ำค่าจากพิธีกรรมโบราณ เช่น น้ำมันจันทน์ ชะมดเช็ด กำยาน อำพันทะเล หญ้าฝรั่น อบเชย ฝักวนิลา ฝักส้มป่อย และน้ำผึ้งเดือนห้าจากรวงสด
ทุกอย่างล้วนคัดด้วยความพิถีพิถัน เพื่อให้ได้กลิ่นที่ละมุนลึกซึ้งอย่างเป็นเอกลักษณ์
3. การหมักบ่มตามตำรับโบราณ
ขั้นตอนการปรุงน้ำปรุงใช้วิธีดั้งเดิม ใช้เวลาในการบ่มนานถึง 12–15 เดือน ภายในพื้นที่เฉพาะเพื่อรักษาคุณภาพ ไม่มีการเติมสีสังเคราะห์ใด ๆ สีทองของน้ำปรุงได้จากแก่นชะลูดและน้ำตาลกรวด ทำให้เกิดเป็นสีน้ำปรุงธรรมชาติจากดอกไม้และเครื่องหอมอย่างแท้จริง
ใช้เอทิลแอลกอฮอล์ที่สกัดจากข้าวโพด และมีพิธีกรรมดับกลิ่นชะมดเช็ดด้วยใบพลูสด โดยวางชะมดเช็ดไว้กลางใบพลูแล้วลนไฟเทียนเบา ๆ เพื่อให้กลิ่นสาปคลายตัว ก่อนหย่อนลงโถหมัก ทำให้ได้กลิ่นชะมดเช็ดที่นวล ลุ่มลึก และกระจายตัวทั่วน้ำปรุงอย่างงดงาม
ความพิเศษของน้ำปรุงในยุคปัจจุบัน
น้ำปรุงโบราณไม่ได้ถูกผลิตเพื่อจำหน่ายทั่วไป แต่จะทำขึ้นเฉพาะวาระสำคัญสำหรับใช้ในครอบครัว และนำมาร่วมบุญผ่านทางเพจเพียงปีละครั้ง
จากตำราโบราณมีสูตรถึง 9 กลิ่น แต่ในแต่ละปีสามารถผลิตได้เพียง 2–6 กลิ่นเท่านั้น เพราะทุกขั้นตอนขึ้นอยู่กับดอกไม้ที่ปลูกเอง ซึ่งต้องปราศจากสารเคมีและเก็บในเวลาที่กลิ่นบริสุทธิ์ที่สุด ปริมาณการออกดอกในแต่ละปีจึงสะท้อนถึงสภาพแวดล้อมและธรรมชาติได้อย่างดี
